เลขอาถรรพ์
คุณเชื่อเรื่องอาถรรพ์เลข
13
ไหม จริงๆ แล้วเราเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
เลยนะโดยเฉพาะสิ่งที่จับต้องไม่ได้ สิ่งที่มองไม่เห็น แต่เมื่อได้สัมผัสกับตัวเอง
เราก็เชื่อว่า ที่คนโบราณหรือผู้ใหญ่เตือนเด็กๆ ด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อหรือลางบอกเหตุ
ซึ่งมันคือเรื่องจริงทุกอย่าง ที่ผู้ใหญ่ทุกคนได้ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาหมดแล้ว เช่น จิ้งจกร้องทักห้ามออกจากบ้าน ตามความเชื่อของคนโบราณกล่าวว่า
หากจิ้งจกร้องทัก จะกี่ครั้งก็ตาม ทว่าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศีรษะของคุณ
ให้พยายามเลื่อนการเดินทาง เป็นเวลาอื่น อาจจะเป็นภายในวันเดียวกันก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานั้น
เพราะอาจทำให้ คุณได้รับอุบัติเหตุหรือไม่มีโชคลาภ แต่หาก เสียงร้องทักอยู่ด้านหน้า
หรือซ้ายมือ ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบาย จะได้พบโชค ลาภ
หรือติดต่อธุรกิจเป็นผลสำเร็จ หรือบางคนเชื่อว่าเลข 13 เป็นเลขแห่งความโชคร้ายตามความเชื่อของต่างประเทศ
วันนี้จะขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับเลขแห่งความโชคร้าย เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
เราได้ย้ายเข้าไปพักอาศัยในห้องพัก เลขที่ 288/13 ซึ่งวันแรกที่ไปเห็นห้องพักก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่พบว่าหน้าห้องมียันต์แปะอยู่หน้าห้องหลายแผ่น
และห้องอยู่ตรงกับบันไดหนีไฟพอดี ประตูหน้าห้องตรงกับประตูหลังห้อง ทางเดินหน้าห้อง
มีป้ายด้านบนชี้ว่าทางออกไปยังประตูหนีไฟแต่ป้ายกลับหันผิด
หันชี้มาทางประตูห้องเรา และป้ายอยู่หน้าประตูห้องเลย เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอห้องโถงซึ่งเราอาศัยนอนตรงนี้เพราะอยู่หน้าทีวี และมีห้องนอน 2 ห้อง
ซึ่งมีประตูห้องตรงกัน ห่างกันแค่วาเดียว ทั้ง 2 ห้องมีหน้าต่างบานเกล็ดจำนวน
3 บาน ซึ่งเราปิดทุกบานในห้องนอนที่อยู่ติดริมทางเดิน
และอีกห้องนึงเราเปิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่เราสังเกตว่าห้องรอบๆ
ที่อยู่ติดกันแทบไม่มีคนอยู่เพราะรองเท้าที่วางหน้าห้องมีฝุ่นจับเขรอะ
มีเพียงห้องตรงข้ามที่มีคนอยู่แต่เราไม่เคยได้เจอกับเค้าเลยแค่ได้ยินเสียงเท่านั้นเอง
วันแรกที่ขนของเข้าไปเราเห็นประตูห้องที่อยู่ติดกับห้องเราเปิดอยู่และเราแอบชำเรืองตามองเข้าไปเห็นว่าในห้องมืดมากไม่ได้เปิดไฟและมีผู้ชายนั่งอยู่ในห้องคนหนึ่งไม่ได้ใส่เสื้อ
เรารีบหันกลับมาและขนของเข้าห้องเราทันที เมื่อขนเสร็จแล้วอีกวันนึงเราถามน้องสาวที่มาช่วยขนของว่าเมื่อวานเห็นห้องข้างๆ
มีคนอยู่รึป่าว น้องสาวตอบว่าไม่เห็น เห็นห้องปิดล็อคกุญแจ
เราก็เลยคิดว่าไม่มีอะไรเค้าคงปิดประตูออกไปข้างนอกแล้วมั้ง
เราพักอาศัยอยู่ที่ห้องนี้เพียงคนเดียว
ระหว่างที่นอนอยู่เราก็จะได้ยินเสียงดังก็อกแก็กในห้องตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
บางทีก็เสียงคนเดินเสียงดัง เราก็คิดว่าห้องข้างๆ รึไม่ก็ห้องข้างบนแน่ๆ
แต่ว่าเพดานห้องสูงมาก คนที่เดินดังขนาดนี้คงตัวใหญ่มากเราคิดแค่นั้น และก็ยังพักในห้องนี้มาเรื่อยๆ
จนฤดูหนาวมาเยือน เราจึงปิดประตูห้องที่อยู่ติดริมระเบียงเพราะว่าลมเข้า
แต่เราไม่ปิดประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามกันนะ เปิดอ้ากว้างไว้ทุกคืน
และมีคืนหนึ่งเราลุกมาเข้าห้องน้ำแต่เห็นประตูห้องนอนที่เราปิดไว้เปิดออก
เราก็สงสัยว่าเอ๊ะก่อนนอนเราว่าเราปิดประตูห้องไว้นี่ แต่ทำไมมันเปิด
ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรมากคิดแค่นี้แล้วก็เดินมานอนเลย ผ่านไปอีกไม่นาน ก็เหมือนเดิม
แต่ครั้งนี้มีเสียงลูกบิดประตูเปิดดังแก๊ก
ซึ่งเราได้ยินปุ๊บก็หันไปดูเห็นประตูห้องนอนเปิดออกจึงรีบลุกขึ้นไปปิดทันทีเพราะคิดว่าลมคงพัดแรงทำให้ประตูเปิด
ทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกว่ามีลมในห้องเลย เมื่อปิดเสร็จก็มานอนต่อ จนเช้าตื่นมาประตูห้องก็ยังปิดอยู่เหมือนเดิม
มีบางคืนเหมือนกันที่มันเปิดแล้วเราปิด เช้ามาพบว่ามันเปิดอยู่ แต่ในทุกๆ
ครั้งที่เจอเหตุการณ์นี้เราจะไม่ได้สนใจอะไรเลย จนครั้งสุดท้ายเราเดินไปปิดไฟและล้มตัวลงนอนยังไม่ถึงห้านาที
ก็ได้ยินเสียงดังแก็กของลูกบิดประตูเราหันขวับไปมองที่ประตูห้องทันที
และความรู้สึกที่บอกไม่ถูกมันชาไปทั้งตัวเลยทีนี้เมื่อเห็นประตูห้องเปิดอยู่นิดเดียว
แค่แง้มนิดเดียว ตอนนั้นไม่มีลมพัดไม่มีอะไรเลยทุกอย่างเงียบสนิทผิดกับทุกครั้งที่มันเปิดเราปิดเพราะทุกครั้งเราจะหลับไปแล้วตื่นมาเห็นถึงจะปิด
แต่คืนนี้มันเปิดเองตอนที่เรายังไม่หลับเรานิ่งอยู่พักนึงก็ตั้งสติลุกไปเปิดไฟ
พร้อมกับเดินกลับมานอนแต่นอนไม่ได้ เรากลัวมากไม่รู้จะทำอย่างไร
จะไปนอนห้องเพื่อนก็ไม่กล้าไปเรียกเพื่อนอีกอย่างเพื่อนอยู่กับแฟนมันแล้วก็พ่อมันอีก
เราเลยลุกไปเปิดทีวีเสียงดัง
คืนนั้นไม่ได้นอนทั้งคืนเลยคิดว่าเช้านี้จะรีบขนของย้ายออกทันทีทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะย้ายไปอยู่ไหนดี
แล้วก็ส่งไลน์บอกคนนั้นคนนี้ว่าผีหลอกทำไงดี กลัวมากแต่ไม่รู้จะไปไหน
พอเช้าก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
น้องสาวบอกว่าถ้าไม่ไหวก็มาอยู่กับน้องสาวก่อนก็ได้
น้องสาวสัมผัสได้ตั้งแต่วันที่ช่วยเราขนของแล้วน้องบอกตอนหลัง
พอตอนเย็นกลับมาห้องพักห้องนี้เพื่อจะเก็บเสื้อผ้าไปนอนกับน้องแต่อีกใจนึงก็คิดว่าคงไม่มีอะไรมั้งนอนนี่แระจนเกือบจะหกโมงเย็นละ
ใกล้จะมืดละเพื่อนในไลน์คนนึงไลน์มาบอกว่าคืนนี้วันโกนระวังตัวด้วยนะ
เท่านั้นแระรีบเก็บเสื้อผ้าออกจากห้องทันทีเลยเพราะมันจะมืดแล้ว
หลังจากคืนนั้นเราก็ไปพักอาศัยนอนกับน้องสาวทุกวันเป็นระยะเวลาเกือบเดือนกว่าจะหาห้องพักใหม่ได้
พอเราออกมาจากห้องพักนั้นได้เราก็มาคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
ระหว่างที่เราอาศัยอยู่ ทีวีที่เราเปิดดูเหมือนมีคลื่นหรือพลังงานบางอย่างแทรกตลอดเวลา
บางทีดูไม่ได้ไปเลยต้องปิด และที่สำคัญวันนั้นวันที่เราเจอเหตุการณ์นั้นในช่วงเวลากลางวัน
เราได้เข้าไปในห้องนอนอีกห้องนึงที่อยู่ตรงข้ามกับห้องที่ประตูเปิดเอง
เราเข้าไปเพื่อคุยกับ (เขี้ยว)ฟัน
ของสามีที่เสียไปแล้วในเรื่องที่เราบอกเค้าว่าขอโทษที่คบกับผู้ชายคนอื่น
ขอโทษที่มีคนอื่นแต่ตอนนี้เลิกไปแล้วและจะไม่มีใครอีกแค่นั้นแระประตูห้องนั้นก็ปิดดังเสียงปัง
ทั้งๆที่ เราเปิดประตูห้องนี้ทิ้งไว้หลายวันไม่เคยปิดเองเลย หรือเพราะเราแกะยันต์หน้าประตูห้องที่ติดไว้ออกหมด
แล้วเอายันต์ของตัวเองไปติดไว้ด้านบนของประตูแทนไม่ได้ติดที่ประตู
เราไม่รู้นะเราคิดว่ายันต์เดิมมันเก่าแล้วเลยแกะออกไป
ตั้งแต่นั้นมาก็เป็นอย่างที่เล่ามาอยู่ไม่ได้ ตอนนี้อยู่ที่ใหม่แล้ว
ก็นอนหลับสบายดีนะยังไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่เลขที่ห้องรวมกันได้เลข 13 อีกเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราหรือป่าว แต่ที่รู้ๆ
ความรู้สึกตอนอยู่ห้องพักเดิมเรารู้สึกจิตใจหดหู่ลงทุกวัน คิดจะทำร้ายตัวเองทั้งๆ
ที่ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ตอนนี้เหมือนดีขึ้น
แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เรากลัว ริวบอกว่าคนที่เกิดวันที่เราเกิดสามารถฆ่าตัวตายได้
และเรารู้สึกคุ้นเคยกับ ดาดฟ้าที่อยู่บนห้องพักใหม่ของเรามาก
เราอยู่ชั้นบนสุดติดกับดาดฟ้า ไม่รู้สินะแต่เรากำลังมองหาที่พักใหม่อีกแล้วละ
ถ้าเราจะเป็นอะไรไปจริงๆ บอกเลยว่ามันต้องไม่ธรรมดา
เพราะเราจะไม่มีวันทำร้ายตัวเองแน่นอน และที่สำคัญเราได้นำเขี้ยวของสามีไปลอยอังคารแล้วหลังจากพกเค้าติดตัวไว้เป็นระยะเวลา
7 ปี เพราะเราอยากให้เค้าไปเกิดใหม่ได้แล้ว
อย่าทนทุกข์ทรมานเพราะเราอีกต่อไปเลย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะยอมไปจากเราหรือยัง
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น