คุณเคยสูญเสียคนรักไหม คนที่เค้ารักคุณมากๆ คนที่เค้ายอมตายแทนคุณได้ คนที่เค้าคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ เราเสียคนรักไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2552 โดยอุบัติเหตุ ตั้งแต่วันนั้นมาเราก็รู้ว่าต่อให้เราบอกรักเค้าดังมากแค่ไหนเค้าก็ไม่มีวันได้ยินอยู่ดี ต่อให้เราพูดอะไรออกไปเค้าก็ไม่มีวันรับรู้อีกแล้ว เหตุการณ์วันนั้นเราจำได้ดี จำได้ทุกอย่าง เรากับเค้าแต่งงานกันมาได้ 5 ปี เท่านั้นตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันเค้าไม่เคยทำให้เราหงุดหงิดเสียใจหรือเจ้าชู้ มีแต่เราที่มีคนมาจีบอยู่ตลอด บางทีก็ทำให้เราทะเลาะกัน ทำให้เราเกือบจะเลิกกับเค้าเพราะผู้ชายคนอื่นที่เข้ามาในชีวิตเราเพียงแค่จะหลอกเราเท่านั้น เค้าบอกเราว่า เค้าจะเลิกกับเราถ้าผู้ชายคนนั้น รักเรามากกว่าเค้า สุดท้ายเค้าก็ทำให้เราเห็นว่าไม่มีใครรักเรามากกว่าเค้าจริงๆ แล้วเราก็กลับมารักกันมากขึ้นจากเดิม มากจนไม่มีวันจะแยกจากกันได้ จนกระทั่งวันนึงที่เราสอบติดราชการ ต้องมาทำงานที่ กรุงเทพ วันนั้นพอเราเห็นประกาศรายชื่อว่าเราสอบได้ เราร้องไห้หนักมาก เราไม่อยากมาอยู่กรุงเทพคนเดียว คืนนั้นนอนกอดเค้าทั้งคืนเลย เพราะหลังจากรู้ว่าต้องไปอยู่กรุงเทพก็มีเวลาแค่ประมาณสองอาทิตย์ถ้าจำไม่ผิด มันเร็วมากแต่ก็ต้องมา เรากลับบ้านทุกอาทิตย์ เพราะงานราชการจะหยุดวันเสาร์อาทิตย์ ฉะนั้น ทุกวันศุกร์หลังเลิกงาน เราจะไปขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์เพื่อกลับบ้าน
และคืนวันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน 2552 คืนนั้นเราฝันใกล้เช้าละ ฝันว่าเราเดินจูงมือกับสามีเรา แล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ เรากับสามีก็มองหาว่าอยู่ที่ไหน แล้วก็เห็นคนมุงดูที่เสาไฟฟ้าต้นหนึ่ง บนเสาไฟเห็นผู้หญิงคนนึงอยู่บนนั้นและถูกไฟช็อตไหม้ไปทั้งตัว ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ มันเป็นภาพที่น่ากลัวมาก เราสองคนทำได้เพียงยืนดูเธอ แล้วเราก็ต้องตกใจตื่นมา ตอนนั้นท้องฟ้าสว่างแล้ว เรารีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน โดยคิดว่าไม่น่ามีอะไรมั้ง เราเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ถ้าไม่เจอกับตัวเอง แล้วเราก็ไปทำงานจนใกล้เวลาเลิกงาน เราก็รีบไปขึ้นรถตู้เพื่อกลับบ้าน ระหว่างทางเราโทรหาสามี สามีโทรหาเราผลัดกันแบบนี้ตลอด ถามว่าถึงไหนแล้ว วันนั้นเป็นวันที่เราผ่านทดลองงานได้บัตรข้าราชการแล้ว และเราจะนำมันไปอวดสามีเรา เรานั่งรถกลับบ้านจนลืมเรื่องความฝันหมดสิ้น จนถึงจุดที่เราต้องลงคือหน้าโรงงานสามี ปรากฎว่า รปภ. บอกว่าสามีกลับบ้านไปแล้ว ซึ่งเราย้ำแล้วว่าให้รอเรา วันนี้เรากลับเร็ว เราถึงประมาณ 18.00 น. ตอนนั้นเราก็รีบโทรไปหาเค้าให้เค้ารีบออกมารับเรา เราไม่อยากให้มืด แต่เค้าก็ได้แต่บอกว่าจะออกไปแล้ว อยู่สามสี่รอบ จนเราเริ่มหงุดหงิด ฟ้าเริ่มมืด เรานั่งรอเค้าอยู่แบบนั้น รปภ.เดินมาคุยด้วยจนไม่มีอะไรจะคุยละ แล้วเค้าก็ขับรถมอเตอร์ไซค์มารับเรา ตอนเจอหน้ากันเราก็แบบทำหน้าหงุดหงิดใส่ และบอกว่าทำไมมารับช้า เค้าก็ไม่ตอบ เราก็เลยเงียบ ขับรถไปสักพักเค้าก็แวะเติมน้ำมันรถ จ่ายไป หนึ่งร้อยบาท ถอนมายี่สิบบาทเค้าถือว่าไว้ในมือ และกำแฮนด์รถ และขับกลับบ้านต่อ สามีเราใส่หมวกกันน็อค แต่เราไม่ได้ใส่ เราได้ยินเสียงตัวแมลงชนหมวกกันน็อคเค้าดังมาก และชนหน้าเราตัวใหญ่มาก เราเลยหลบอยู่ข้างหลังเค้า เค้าใกล้ถึงทางเลี้ยงเข้าหมู่บ้านละอีกประมาณห้าร้อยเมตร เราได้ยินเสียงเค้าร้องเฮ้ย และพอเราจะชโงกหน้ามาดูด้านหน้ารถว่ามีอะไร ก็ไม่ทันละ ช่วงวินาทีนั้นเราไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เรารู้และเห็นแค่ความมืด มืดสนิทเหมือนคนตาบอด แล้วเรารู้สึกตัวอีกครั้ง ในท่าที่เรานอนลงไปกับพื้นแล้วกำลังลุกขึ้นนั่ง ตอนที่ร่างกายกำลังลุกขึ้นนั่งเราไม่รู้สึกตัว เราแค่ลืมตาขึ้นมาเท่านั้น แล้วพอเรารู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่บนพื้นถนน สองขาเหยียดไปข้างหน้า เรามองไปข้างหน้าเห็นภาพเบลอ สักพักจึงเห็นภาพชัดเจน สิ่งแรกที่เห็นคือท้ายรถอีแต๋น อยู่ห่างตัวเราไปสักสิบห้าเมตร แล้วเราก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์ และสามีเรานอนอยู่กลางถนน เรารีบลุกขึ้นและวิ่งไปหาเค้า ถอดหมวกกันน็อคออกจากหัวเค้า เค้าสำลักเลือดออกทางปากและจมูก เราพยายามเช็ดเลือดและเรียกเค้า เค้าไม่รู้สึกตัว ดวงตาของเค้าไม่เหมือนปกติ ตอนนั้นในใจคิดว่าไม่นะ ต้องไม่ตายนะ เราตะโกนเรียกเค้าอยู่พักนึง แล้วเราก็เหลือบตาไปเห็นผู้ชายคนนึงยืนอยู่หน้ารถอีแต๋นเราเรียกให้เค้าช่วย เค้าบอกเราว่าจะไปตามคนมาช่วย แล้วเค้าก็หายไปเลย ระหว่างนั้นมีรถยนต์ขับมาแสงไฟส่องเข้าหน้าเรา เรารีบลุกขึ้นไปยืนขวางกลางถนน เราไม่รู้หรอกว่าคนขับรถจะมองเห็นเราไหม เราคิดเพียงแต่ว่าห้ามเหยียบสามีเรานะ คันแรกผ่านไป คันที่สองก็มา เราจำไม่ได้ว่าผ่านไปกี่คัน จำได้มีคันนึงพุ่งตรงเข้ามาหาเรา พอหมดรถเรารีบไปดึงแขนสามีและลากเค้าเข้ามานอนข้างทาง เราพยายามดึงผลักมอเตอร์ไซค์เข้ามาข้างทาง เพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำ และเราก็รู้สึกเจ็บที่หัวเข่าด้านซ้าย รู้สึกเดินไม่ได้แล้วเราจึงเดินไปนั่งข้างสามี และหยิบโทรศัพท์ออกมาพยายามกดเบอร์ 191 แต่เชื่อไหม ว่าหน้าจอโทรศัพท์ไม่ยอมติด เรากดเลขไม่ยอมขึ้น เราเลยหยิบโทรศัพท์ของสามีอีกเครื่องนึงมากด ก็ไม่ติดเหมือนกัน จนเราอยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง แต่ก็ทำไม่ได้ เลยนั่งถือโทรศัพท์ไว้รอสักพักเผื่อจะโทรได้ แล้วก็มีคนโทรเข้ามา เสียงพ่อสามีถามว่าเกิดอะไรขึ้น หนูอยู่ที่ไหน เราตอบพ่อไปว่าอยู่บนถนน ๆ แล้วพ่อก็ตะคอกเสียงดังกลับมาว่าบนถนนทีไ่หนเล่า เราก็สับสนไปหมดพูดจาไม่ถูก ทำอะไรไม่ถูก เรานั่งอยู่ข้างสามีเรานานมาก จนไม่รู้ว่านานแค่ไหน แล้วสักพักไทยมุงก็มา มามุงมาถามเป็นใครมาจากไหน แล้วก็มามองหน้าสามีเรา และบอกว่าตายแล้ว ตอนนั้นเราได้แต่นั่งเงียบๆ ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างไร น้ำตาไม่ไหลนะ แต่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมไม่ร้องไห้ แล้วแม่กับลูกชายเราก็มา รถตำรวจก็มา เค้าช่วยกันยกสามีเราขึ้นรถตำรวจ เราลุกขึ้นเดินเขย่งไปนั่งข้างๆ สามี และก้มลงจูบที่หน้าผากสามี 1 ครั้ง พร้อมบอกกับเค้าว่า รักหมึกนะ แล้วรถพยาบาลก็มา เค้าก็ให้เราลงไปนั่งรถพยาบาล เราก็ลงมานั่งรถพยาบาล ระหว่างอยู่ในรถพยาบาลเรารู้สึกว่าทำไมมันนานจังเมื่อไรจะถึงโรงพยาบาลสักที เราอยากรู้ว่าเค้าพาสามีเราไปไหน พอถึงโรงพยาบาลเจอแม่สามีเดินมาดูแผลเราและบอกเราว่า ไปบ้านนะลูก เราก็ได้แค่พูดว่า ค่ะ แล้วเค้าก็พาเราไปเอ็กซเรย์ขา และพาเข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลบอกเราว่า ฉีกกางเกงได้ไหม เราบอกว่าได้คะ หมอใหญ่ มาดูแผลเรา ว่าเส้นเอ็นขาดหรือไม่ และก็ยืนเถียงกะแม่เราเรื่องอะไรไม่รู้ แล้วแม่ก็เดินมาถามเราว่าจะเย็บที่นี่ไหม เราบอกแม่ว่าเย็บไปเลยเพราะเราเริ่มจะเจ็บละ เราไม่รู้หรอกนะว่าขาเราเป็นอะไร มันชาไปหมด แต่ขณะนั้นมันสามทุ่มแล้ว เหตุเกิดตั้งแต่ทุ่มครึ่ง เราเลยให้หมอเย็บให้เลย พอหมอเย็บเสร็จ ทั้งหมด 18 เข็ม รอบหัวเข่าเลย หมอพันผ้าให้แล้วส่งขึ้นรถพยาบาล แม่ไม่ยอมให้เรานอนที่โรงพยาบาลนี้เพราะหมอคนนี้เคยทำให้ลูกชายเราเกือบตายมาแล้ว รถพยาบาลก็ขับช้ามาก ระยะทางแค่ สิบกว่ากิโลขับเป็นชั่วโมงเลย แล้วเราก็เริ่มปวดหัว ปวดมาก บอกแม่ว่าปวดหัวๆๆ ตลอดทางเลย จนถึงโรงพยาบาลใหม่ หมอมาดูที่หัวให้ และบอกว่าหัวแตกนะทำไมโรงพบาบาลเดิมไม่เย็บให้ เราก็บอกว่าเราไม่รู้ คือเรายังเบลออยู่ เพื่อนเราเป็นบุรุษพยาบาลมันเดินมาบอกเราให้คว่ำมือลงมันจะแทงเข็มให้น้ำเกลือ แต่เราจำได้ว่าเราหงายมือมันก็บอกว่าไม่ใช่แล้วมันก็จับมือคว่ำลง คือเราเบลอจริง ๆ แต่ถามว่าจำได้ไหม จำได้ จำได้ทุกอย่าง จำเรื่องราวก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุได้หมด จำคำพูดที่เราคุยกะสามีได้ทุกคำ แต่สุดท้าย ความตายก็พรากเราจากกัน หลังจากออกจากห้องฉุกเฉินกลับมาห้องพักเราสับสนคิดว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปอย่างไร จะทำอะไร จะไปทางไหน ที่คิดจะทำร่วมกันมันพังทลายหมดทุกอย่าง ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว จบสิ้น โลกตอนนั้นมืดมิดไปหมด มองไม่เห็นหนทางเลย แต่เรายังมีลูกชาย ที่เรารักมากที่สุดในชีวิตอีกหนึ่งคน เราต้องอยู่ต่อไปให้ได้เพื่อลูกชายของเรา เราคิดแค่นั้น คืนนั้น ไม่มีใครหลับตาลงเลย แม่คอยบอกให้เราหลับตาซะลูก เราก็หลับ แต่สักพักก็ลืมตาขึ้นมาอีก มันเป็นอะไรที่ไม่มีวันลืมได้เลย จนวันนี้เราก็ยังจำได้ทุกอย่างทุกวินาที หลังจากคืนนั้นมา ก็มีเรื่องราวระหว่างเรากับสามีของเราที่เป็นเรื่องลี้ลับ ซึ่งเราไม่เคยเชื่อว่าผี หรือวิญญาณ มีจริง แต่ถามว่ากลัวไหม กลัว แต่วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อน ฝันดีนะคะทุกคน ถ้ามีใครฝันร้าย อย่าคิดว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดีเสมอไปนะคะ แก้ฝันนะเผื่อเรื่องร้ายจะเบาบางลงคะ
ขอบคุณ ภาพประกอบจาก Google.com
ขอบคุณ คนที่ขับรถยนต์ผ่านเหตุการณ์ในคืนนั้นแล้วช่วยแจ้งตำรวจที่ป้อม สี่แยกอำเภอมโนรมย์ ขอบคุณมากคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น