วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

นายกกับประเด็นการประหารชีวิต






กลายเป็นการสวนกระแสสังคมอย่างแรงเลยทีเดียว เมื่อนักข่าวได้สอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้ลงโทษประหารชีวิต หลังฆาตกรโหดที่ฆ่าข่มขืนครูสาวที่สระบุรี โดยนายกได้ตอบว่า "ให้กลับไปดูทั่วโลกว่าเขาว่าอย่างไรอย่าไปคิดเอาเอง วันนี้อย่าลืมว่าเราอยู่กับกฎหมายโลก กฎหมายระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน ทั่วโลกยกเลิกการประหารชีวิตกี่ประเทศแล้ว ของเราประหาร 3 ครั้งก็ยังแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ที่ผ่านมาก็ใช้ในทุกมาตราแล้ว ทั้งกฎหมายปกติ และมาตรา 44 ซึ่งไม่มีอะไรแรงไปกล่าวนี้ ก็ยังไม่กลัวกันเลย "

"ถ้าให้มีการประหารชีวิตก็คงต้องประหารสัก 3 ชาติ ถึงจะกลัว อย่ามาใช้กฎหมายจนเสพติด อย่าไปเสพติดกฎหมายจนไปสู่อำนาจ ไปสู่ผลประโยชน์ อย่าไปเสพติดแบบนั้น ขอให้ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ ดีกว่า สังคมก็ต้องช่วยกันกดดัน นักข่าวก็ต้องช่วยกันประณาม สื่อต้องช่วยผมในการกดดัน คนที่ทำความผิดเหล่านี้ให้มันสงบ อย่าปล่อยให้มีปากมีเสียงอยู่ได้" นายกกล่าว

เมื่อนายกตอบนักข่าวเช่นนี้แน่นอนประชาชนที่สนับสนุนให้มีการประหารชีวิตคดีฆ่าข่มขืน หรือคดีข่มขืนย่อมไม่พอใจท่านนายกอย่างแน่นอนจึงเกิดกระแสสังคมอย่างรุนแรง ด้วยถ้อยคำรุนแรงจากผู้ที่ไม่เข้าใจท่านนายก และด้วยการที่ท่านเป็นทหารพูดจาหนักแน่นตรงไปตรงมาจึงไม่ได้คำนึงถึงถ้อยคำที่สละสลวยหว่านล้อมชักจูงใจให้คล้อยตามอย่างเช่นที่อดีตนายกท่านอื่นๆ เคยพูดมา จึงอาจจะทำให้หลายคนไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านต้องการจะบอก คนในสังคมส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยคิดวิเคราะห์สิ่งที่ได้ยินมา แต่กลับคิดจากสิ่งที่ได้ยินเลยทันทีและสรุปออกมาเลย โดยสรุปง่ายๆว่าท่านนายกไม่เห็นด้วยกับการให้ประหารชีวิต 

แต่เมื่อนำคำพูดของท่านนายกมาคิดวิเคราะห์ดูจะพบว่าสิ่งที่ท่านพยายามบอกกับทุกคนคือ  อย่าคิดแค่จะแก้กฎหมายเพราะกฎหมายได้มีบทลงโทษสูงสุดแล้ว คือ การประหารชีวิตซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล แต่ถ้าคนทำผิดไม่เกรงกลัว ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคนในสังคมที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 

เช่น กรณีที่คนร้ายเข้าไปฆ่าข่มขืนได้เพราะประตูห้องเสียทำให้เข้าไปได้ง่าย ประกอบกับเมื่อผู้ตายร้องขอความช่วยเหลือ ข้างห้องซึ่งอยู่ติดกันได้ยินเสียงแต่คิดว่าเป็นเรื่องผัวเมียจึงไม่ออกมาช่วยเหลือทำให้ผู้ตายถูกฆ่าตาย  หากทุกคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุในคืนนั้นได้ยินเสียงร้องรีบออกมาช่วยเหลือผู้ตายอาจไม่ถูกฆ่าตายก็ได้ และหากผู้ตายซ่อมแซมลูกบิดประตูก่อนจะนอนหลับคนร้ายก็คงไม่สามารถเข้ามาในห้องได้ 

การขอให้แก้ไขกฎหมายฆ่าข่มขืนให้ลงโทษประหารชีวิต ในตัวบทกฎหมายก็กำหนดไว้อยู่แล้วว่าโทษสูงสุดคือการประหารชีวิต จะให้แก้ไขอย่างไรอีก หากแก้ไขให้มีการประหารชีวิตตามที่ร้องขอมาแล้วยังเกิดคดีแบบนี้อีกจะต้องทำอย่างไร จะเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายให้เป็นอย่างไรอีก แล้วนายกท่านมีสิทธิ์แก้ไขกฎหมายหรือไม่ ประชาชนควรคิดก่อนที่จะด่าว่าท่านนายกหรือไม่ ประชาชนควรหันไปช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคมหรือไม่ จะหวังพึ่งแต่ภาครัฐมันใช่หรือไม่ อยากให้คิดกันดีๆ 


ฉะนั้น การที่ประชาชนส่วนใหญ่ด่าว่านายกในประเด็นนี้จึงเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนายกท่านก็ทำตามหน้าที่ของท่าน  ท่านกำลังแก้ไขปัญหาบ้านเมืองก็ปวดหัวมากแล้ว แล้วประชาชนที่ด่าว่านายกพวกท่านทำอะไรเพื่อสังคมบ้างหรือยัง จริงอยู่การใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน ต้องไม่ประมาทและระมัดระวังตนเองอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ต้องช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลังของตนเองด้วย และสิ่งสำคัญที่ควรมีให้แก่กันคือกำลังใจ ท่านนายกสมควรได้รับกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน ไม่ใช่คำด่าทออย่างที่เป็นอยู่ในโลกออนไลน์

สื่อต่างๆ ก็เช่นกัน ทำไมไม่อธิบายความหมายที่นายกกำลังสื่อออกมาให้ประชาชนเข้าใจง่าย มากกว่าจะเขียนชงให้ประชาชนเข้ามาด่านายก หลายครั้งที่นายกต่อว่าสื่อ แต่สื่อก็ทำเป็นไม่เข้าใจยังนำเสนอข่าวในรูปแบบที่ตนเองคิดว่าดีเหมือนเดิม ไม่มีการพัฒนาขึ้นเลย ทุกสื่อเลย สังคมจะดีได้บางทีก็ควรเริ่มต้นจากสื่อเช่นเดียวกัน

แนบลิ้งค์ ตัวอย่างการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคมอย่างที่นายกกำลังบอกกับประชาชนทุกคน  http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1467339831

เป็นกำลังใจให้ท่านนายกรัฐมนตรี 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น