ถ้ากำลังเจอกับปัญหาโทรศัพท์มือถือ โหลดหรืออัพเดท แอปต่างๆ ไม่ได้ เช่น Facebook line หรือเกม เราจะค้นหาวิธีแก้จากโลกอินเตอร์เนตกัน แต่ส่วนใหญ่ที่เจอจะบอกให้เราเข้าไปยังการตั้งค่าแอป และเข้าไปล้างแคชใน Play สโตร์ แต่กรณีที่เข้าไปแล้วมันขึ้นว่ากำลังวิเคราะห์ข้อมูล นานมาก ผ่านไปเนิ่นนานก้อยังไม่สามารถกดล้างแคชได้ ให้คุณทำการรีสตาร์ทโทรศัพท์ แล้วจึงเข้าไปในตั้งค่าแอปใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้จะเห็นว่าสามารถล้างแคช Play สโตร์ ได้แล้ว เมื่อล้างแคชเสร็จแล้ว เข้า Play สโตร์ เพื่อโหลดหรืออัพเดทแอปต่างๆ ได้ละคะ สามารถทำตามขึ้นตอนตามลิ้งค์ด้านล่างได้นะ
คะ
https://support.google.com/googleplay/troubleshooter/6241347?hl=th#ts=6241336%2C6241346%2C6241382
Phattanan
วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559
โหลดแอปใน Play สโตร์ ไม่ได้ ล้างแคชไม่ได้
ป้ายกำกับ:
วิธีแก้สารพัดปัญหาเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ
วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
นายกกับประเด็นการประหารชีวิต
กลายเป็นการสวนกระแสสังคมอย่างแรงเลยทีเดียว เมื่อนักข่าวได้สอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้ลงโทษประหารชีวิต หลังฆาตกรโหดที่ฆ่าข่มขืนครูสาวที่สระบุรี โดยนายกได้ตอบว่า "ให้กลับไปดูทั่วโลกว่าเขาว่าอย่างไรอย่าไปคิดเอาเอง วันนี้อย่าลืมว่าเราอยู่กับกฎหมายโลก กฎหมายระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน ทั่วโลกยกเลิกการประหารชีวิตกี่ประเทศแล้ว ของเราประหาร 3 ครั้งก็ยังแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ที่ผ่านมาก็ใช้ในทุกมาตราแล้ว ทั้งกฎหมายปกติ และมาตรา 44 ซึ่งไม่มีอะไรแรงไปกล่าวนี้ ก็ยังไม่กลัวกันเลย "
"ถ้าให้มีการประหารชีวิตก็คงต้องประหารสัก 3 ชาติ ถึงจะกลัว อย่ามาใช้กฎหมายจนเสพติด อย่าไปเสพติดกฎหมายจนไปสู่อำนาจ ไปสู่ผลประโยชน์ อย่าไปเสพติดแบบนั้น ขอให้ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ ดีกว่า สังคมก็ต้องช่วยกันกดดัน นักข่าวก็ต้องช่วยกันประณาม สื่อต้องช่วยผมในการกดดัน คนที่ทำความผิดเหล่านี้ให้มันสงบ อย่าปล่อยให้มีปากมีเสียงอยู่ได้" นายกกล่าว
เมื่อนายกตอบนักข่าวเช่นนี้แน่นอนประชาชนที่สนับสนุนให้มีการประหารชีวิตคดีฆ่าข่มขืน หรือคดีข่มขืนย่อมไม่พอใจท่านนายกอย่างแน่นอนจึงเกิดกระแสสังคมอย่างรุนแรง ด้วยถ้อยคำรุนแรงจากผู้ที่ไม่เข้าใจท่านนายก และด้วยการที่ท่านเป็นทหารพูดจาหนักแน่นตรงไปตรงมาจึงไม่ได้คำนึงถึงถ้อยคำที่สละสลวยหว่านล้อมชักจูงใจให้คล้อยตามอย่างเช่นที่อดีตนายกท่านอื่นๆ เคยพูดมา จึงอาจจะทำให้หลายคนไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านต้องการจะบอก คนในสังคมส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยคิดวิเคราะห์สิ่งที่ได้ยินมา แต่กลับคิดจากสิ่งที่ได้ยินเลยทันทีและสรุปออกมาเลย โดยสรุปง่ายๆว่าท่านนายกไม่เห็นด้วยกับการให้ประหารชีวิต
แต่เมื่อนำคำพูดของท่านนายกมาคิดวิเคราะห์ดูจะพบว่าสิ่งที่ท่านพยายามบอกกับทุกคนคือ อย่าคิดแค่จะแก้กฎหมายเพราะกฎหมายได้มีบทลงโทษสูงสุดแล้ว คือ การประหารชีวิตซึ่งเป็นไปตามกฎหมายสากล แต่ถ้าคนทำผิดไม่เกรงกลัว ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคนในสังคมที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เช่น กรณีที่คนร้ายเข้าไปฆ่าข่มขืนได้เพราะประตูห้องเสียทำให้เข้าไปได้ง่าย ประกอบกับเมื่อผู้ตายร้องขอความช่วยเหลือ ข้างห้องซึ่งอยู่ติดกันได้ยินเสียงแต่คิดว่าเป็นเรื่องผัวเมียจึงไม่ออกมาช่วยเหลือทำให้ผู้ตายถูกฆ่าตาย หากทุกคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุในคืนนั้นได้ยินเสียงร้องรีบออกมาช่วยเหลือผู้ตายอาจไม่ถูกฆ่าตายก็ได้ และหากผู้ตายซ่อมแซมลูกบิดประตูก่อนจะนอนหลับคนร้ายก็คงไม่สามารถเข้ามาในห้องได้
การขอให้แก้ไขกฎหมายฆ่าข่มขืนให้ลงโทษประหารชีวิต ในตัวบทกฎหมายก็กำหนดไว้อยู่แล้วว่าโทษสูงสุดคือการประหารชีวิต จะให้แก้ไขอย่างไรอีก หากแก้ไขให้มีการประหารชีวิตตามที่ร้องขอมาแล้วยังเกิดคดีแบบนี้อีกจะต้องทำอย่างไร จะเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายให้เป็นอย่างไรอีก แล้วนายกท่านมีสิทธิ์แก้ไขกฎหมายหรือไม่ ประชาชนควรคิดก่อนที่จะด่าว่าท่านนายกหรือไม่ ประชาชนควรหันไปช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคมหรือไม่ จะหวังพึ่งแต่ภาครัฐมันใช่หรือไม่ อยากให้คิดกันดีๆ
ฉะนั้น การที่ประชาชนส่วนใหญ่ด่าว่านายกในประเด็นนี้จึงเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนายกท่านก็ทำตามหน้าที่ของท่าน ท่านกำลังแก้ไขปัญหาบ้านเมืองก็ปวดหัวมากแล้ว แล้วประชาชนที่ด่าว่านายกพวกท่านทำอะไรเพื่อสังคมบ้างหรือยัง จริงอยู่การใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน ต้องไม่ประมาทและระมัดระวังตนเองอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ต้องช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลังของตนเองด้วย และสิ่งสำคัญที่ควรมีให้แก่กันคือกำลังใจ ท่านนายกสมควรได้รับกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน ไม่ใช่คำด่าทออย่างที่เป็นอยู่ในโลกออนไลน์
สื่อต่างๆ ก็เช่นกัน ทำไมไม่อธิบายความหมายที่นายกกำลังสื่อออกมาให้ประชาชนเข้าใจง่าย มากกว่าจะเขียนชงให้ประชาชนเข้ามาด่านายก หลายครั้งที่นายกต่อว่าสื่อ แต่สื่อก็ทำเป็นไม่เข้าใจยังนำเสนอข่าวในรูปแบบที่ตนเองคิดว่าดีเหมือนเดิม ไม่มีการพัฒนาขึ้นเลย ทุกสื่อเลย สังคมจะดีได้บางทีก็ควรเริ่มต้นจากสื่อเช่นเดียวกัน
แนบลิ้งค์ ตัวอย่างการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคมอย่างที่นายกกำลังบอกกับประชาชนทุกคน http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1467339831
เป็นกำลังใจให้ท่านนายกรัฐมนตรี
ตอนจบของคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานอกศาล
เรื่องราวยังไม่จบ คิดว่าทุกอย่างจะจบในวันที่ศาลพิจารณาตัดสินให้เพราะมีการทำสัญญากันต่อหน้าศาลเรียบร้อยแล้ว แต่หลังจากวันนั้นมาลูกชายจำเลยคนที่ต้องชดใช้เงินจำนวนนี้แทนพ่อของเค้าโทรมาหาเราขอร้องให้เราลดจำนวนเงินชดเชยลงอีกหนึ่งแสนได้ไหมเพราะเค้าบอกว่าเมียเค้าเพิ่งคลอดลูกได้สิบวัน เราเองก็มีลูก รู้ว่าการเลี้ยงเด็กมันลำบากต้องมีเงินไว้เผื่อเจ็บป่วย ค่านม ค่าจิปาถะ เราจึงตอบตกลงไป เพื่อให้เค้าซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวดูแลลูกเมียโดยไม่ลำบากมากเกินไป แต่ขอให้ส่งหลักฐานใบสูติบัตรมาให้เราดูว่ามีลูกจริงไม่ได้หลอกลวงกัน น้องเค้าก็ตกลงและส่งรูปสูติบัตร และรูปลูกชายของเค้ามาให้เราดู สัญชาตญาณของความเป็นแม่อ่ะนะ ก็อวยพรขอให้ลูกชายเค้ามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและโตไวๆ หลังจากนั้นก็ร่างสัญญาขึ้นมาใหม่และส่งไปให้เค้าอ่านก่อน เค้าก็ตกลงและนัดมอบเงินสดกันเลย เค้าขับรถจากชลบุรีไปเช้าเย็นกลับ บอกว่าจะรีบกลับมาดูลูกเราก็เข้าใจเพราะลูกเพิ่งเกิด ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ก็บอกเค้าว่าเดินทางปลอดภัยนะ เค้าก็บอกเช่นกันนะครับ และเราบอกเค้าว่าจะพาพ่อเค้าไปขออโหสิกรรมสามีเรา โดยบอกให้เค้าแวะซื้อพวงมาลัยมาด้วย ตามสี่แยกไฟแดงมีขาย จะได้จบสิ้นกันแค่ชาตินี้ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันอีก เรารู้ว่าสามีเราเค้าเป็นคนดีเค้าไม่ติดใจอะไรอีกแน่นอน จึงนัดเจอกันที่จังหวัดอุทัยธานี เราก็ขับรถจากกรุงเทพตรงไปอุทัยธานีเลยเหมือนกัน เจอกันที่อำเภอเมืองก่อนแล้วจึงขับรถพาเค้าออกไปนอกเมือง เค้าก็ขับตามห่างๆ คิดว่าก็คงกลัวเหมือนกันแต่เราบริสุทธ์ใจ เมื่อไปถึงวัด ก็จุดธูปส่งให้พวกเค้า พวกเค้าก็พากันไปหน้ารูปที่เก็บกระดูกสามีเรา เสร็จแล้วก็มาจ่ายเงินและเซ็นต์สัญญากัน สามฝ่ายมีเรา แม่สามี และจำเลย เราเห็นรอยยิ้มจากจำเลย ตั้งแต่วันแรกที่พบกันบนศาลเรารู้สึกว่าเค้าไม่สบายใจ เรารู้ว่าเค้ารู้สึกยังไง เค้านิ่งเงียบเฉยเมย เหมือนไม่สนใจไยดี จนวันนี้เราพาเค้ามาขออโหสิกรรมสามีเราเค้าคงรู้สึกดีขึ้นกับความผิดที่เค้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิด เราเองก็สงสารเค้าและลูกชายเค้าที่ต้องมาชดใช้แทนพ่อของเค้า ซึ่งเราก็ได้ลดหย่อนให้ตามที่เค้าร้องขอมาโดยที่เราคิดว่าเงินที่เค้าให้มันก็ไม่ได้น้อยจนเกินไป เรากลับรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราลดให้เค้าในส่วนของเรา ส่วนของแม่สามีก็ให้ตามที่ตกลงกันไว้ตอนแรกที่ศาล ตอนนี้เรื่องนี้จบลงแล้ว จบบริบูรณ์ ข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมให้กับจำเลยในคดีนี้ ไม่ขอติดใจอะไรอีก ขอให้จบสิ้นกันแค่นี้ สาธุ
ป้ายกำกับ:
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ตุ๊กแกบอกหวย
อาทิตย์ที่แล้วกลับบ้านไปเรื่องคดีความ คืนวันศุกร์ระหว่างที่นอนหลับสบาย ในห้องแอร์ ต้องตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องเสียงดังมาก ที่หัวนอน แต่อยู่ด้านนอกของห้องนอน จำได้ว่าตุ๊กแกร้อง เฮชเค หรือเอสเค อะไรนี่แหละ เลยคิดว่า ตุ๊กแกมาบอกเลขเด็ดแน่เลย ก็นับ A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z และนับดูว่าที่ตุ๊กแกร้องตรงกับเลขอะไร H = 8 K = 11 และไม่แน่ใจว่า S หรือ K ถ้า S = 19 เลขที่ได้ มี 8 9 1 คิดแบบตรงๆเลย หรืออีกอย่างคือ 8 (1+1) (1+9) จะได้ 8 2 0 ฉะนั้นงวดนี้ ที่ลองคำนวณเอง ได้ บน 79_ หามาเติมอีกตัวนะ ล่าง 82 91 81 หวยล็อครึป่าวมาลองดูกันคะ ขอไม่ใส่รูปภาพประกอบ(ตุ๊กแก)นะคะเนื่องจากขนลุกคะ
วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ผลการพิจารณาคดีอาญาข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
เมื่อถึงเวลานัด 9.00 น. ทุกคนมาพร้อมฟังผลการพิจารณาของคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย(หลังจากศาลบอกว่าเราไม่สามารถเรียกร้องขอเงินชดเชยกรณีได้รับบาดเจ็บ)
เริ่มจากศาลถามจำเลยว่า คุณทราบหรือไม่ว่าครอบครัวของผู้ตายเรียกร้องขอเงินชดเชยมาจำนวนเท่าไร
จำเลยยืนนิ่งพี่สาวจำเลย พูดขึ้นมาว่า โทรหาเค้าแล้วเค้าบอกว่าไปคุยกันในศาลทีเดียว ตอนนั้นเราโมโหมากหันไปมองหน้าคนที่โทรมาคือลูกชายเค้า ลูกชายเค้าโทรมาหาเราแล้วก็ไม่พูดเงียบ เราก็ถามว่ายังไงเค้าก็บอกผมหาได้ห้าหมื่นเองตอนนี้ เราก็เลยบอกว่างั้นก็ไปคุยกันที่ศาลเดี๋ยวศาลเค้าก็พิจารณาลดให้เอง แต่ดูสิ่งที่เค้าบอกกับศาลสิจะให้เรารู้สึกดีกับพวกเค้าได้ยังไงตอนแรกก็สงสารอยู่แต่พอได้ยินแบบนี้ก็พอเลิกสงสารหันมาสงสารตัวเองทันที แล้วศาลก็บอกว่าเค้าเรียกมา 2 ล้านบาท ซึ่งคิดว่าในส่วนของภรรยา คิดจากจำนวนเงินที่ผู้ตายเคยให้ จำนวนเดือนละ 3,500 x 32 ปี(อายุจนถึง 60) = หนึ่งล้านกว่า โดยประมาณ และบิดาเรียกร้องมาจำนวน 400,000 บาท ก็คำนวณเหมือนกัน ซึ่งของบิดารวมค่าปลงศพด้วย 80,000 บาท ซึ่งปัจจุบันค่าปลงศพจำนวนนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ศาลจึงถามจำเลยว่าคุณจะชดเชยให้ครอบครัวเค้าจำนวนเท่าไร
จำเลยยืนนิ่งมีแต่ลูกสาวลูกชาย หลานพี่เพื่อนช่วยกันต่อรองราคาให้ บอกกับศาลว่า 50,000 ได้หรือไม่ ตอนนั้นศาลก็แสดงอาการไม่พอใจเหมือนกันเท่าที่เห็น และศาลก็บอกว่ามันน้อยเกินไปขยับขึ้นมาหน่อยได้ไหม ก็รู้ว่าไม่มีแต่ลองคิดกลับกันถ้าผู้ตายเป็นฝั่งคุณ คุณจะอยากจะรับเงินจำนวนนี้หรือไม่ ฝ่ายจำเลยก็นิ่ง จนศาลต้องบอกว่า ห้าแสนได้ไหม รวมกันของภรรยากับของพ่อไปแบ่งกันเอาเอง ก็หันมาถามฝ่ายเรากับพ่อ เราก็ตกลงแต่ฝ่ายจำเลยไม่ตกลง บอกแต่ไม่มี เหตุผลว่าจำเลยไม่ได้ทำงานอะไร จำเลยอายุ 57 ปี ลูกชายทำงานโรงงานอยู่ชลบุรี ลูกสาวทำงานร้านอาหาร นู่นนี่นั่น ขอต่อกับศาลอีก สองแสนได้ไหม ศาลทิ้งให้พวกเราอยู่ในห้องเพื่อตกลงกัน แต่ฝ่ายจำเลยไม่เคยพูดอะไรกับทางเราเลย จนเราบอกให้น้องสาวสามีหันไปถามสิว่าจะเอาอย่างไร เพราะมันนานมากแล้วที่พวกเค้านิ่งเฉยไม่ยอมตกลง พอหันไปถามพวกเค้าก็บอก สองแสนได้ไหม เราโมโหหันไปบอกว่าที่ขาพี่เป็นแบบนี้พี่ก็ไม่ได้เรียกร้องเพิ่ม ห้าแสนก็ให้ผ่อนชำระรายเดือนอีก มันก็เงียบเฉย จนศาลเข้ามาถามว่าตกลงกันได้ไหม มันก็บอกศาลว่าขอลดลงมาอีกหน่อยได้ไหมครับ สองแสน ศาลก็บอกว่าถ้าจะลดก็ลดได้ แต่คุณต้องวางเงินหนึ่งแสนและจ่ายอีกสามแสน หรืออะไรแบบนี้ ฝ่ายจำเลยก็นิ่งเงียบ บอกแต่ไม่มีหาไม่ได้ต้องไปกดบัตรเครดิตมาจ่าย ศาลก็บอกไม่อยากให้เป็นหนี้บัตรเครดิตดอกเบี้ยมันสูงคดีความเกี่ยวกับบัตรเต็มไปหมด จนกระทั่งศาลบอกว่าเอาอย่างนี้ สามแสน แล้วคุณวางวันนี้ก่อนห้าหมื่น จำเลยก็ไม่ยอมอีกบอกไม่มีเงินอีกละ ทั้งที่ตอนแรกบอกมีห้าหมื่นตั้งแต่วันที่โทรมาหาเราอาทิตย์ก่อนละ ขอศาลขอโอนให้เราเองในวันสิ้นเดือน ก่อนวันที่ 5 ศาลก็หันมาถามฝั่งเรา ด้านพ่อกับแม่ของสามีเราเค้าสงสารฝั่งนู่นมากบอกยอมเถอะ เราจึงยอม เรื่องจึงจบศาลก็พิมพ์สัญญาให้ ว่าจะโอนเงินงวดแรกจำนวน ห้าหมื่นบาท เข้าบัญชีเรา และเดือนต่อไปเดือนละไม่ต่ำกว่าสี่พันบาท ไม่เกินวันที่ 5 ของทุกเดือนหากผิดสัญญาให้มาร้องต่อศาลอีก เพื่อจะคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 จากจำนวน สามแสนห้าหมื่นบาท เรื่องจึงจบ เท่ากับว่าเราได้รับเงินชดเชยจากกรณีสามีเสียชีวิต สองแสนบาทจากที่ร้องขอไปสองล้าน พ่อสามีได้หนึ่งแสนบาทจากที่ขอไปสี่แสนบาท และศาลก็พิจารณาคดีอาญาต่อ ให้จำเลยติดคุก 4 ปี ปรับ 12,000 บาทและถามจำเลยว่ารับสารภาพหรือไม่กับความผิด จำเลยตอบว่ารับ ศาลก็พิจารณาลดโทษให้เหลือ 2 ปี ปรับ 6,000 บาท แต่รอลงอาญา และให้คุมประพฤติเป็นเวลา 1 เดือน บำเพ็ญประโยชน์ 24 ชม. และหากจำเลยไม่มีเงินเสียค่าปรับให้จำคุกชดใช้คืนละห้าร้อยบาท และให้ตำรวจประจำศาลพาตัวจำเลยไปตอนแรกเรารู้สึกโมโห รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ศาลพูดมาคำนึงว่าให้คิดว่าเป็นเคราะห์กรรมร่วมกัน ตอนแรกก็คิดเช่นนั้น แต่ตอนนี้ไม่คิดแบบนั้น เพราะถ้าเค้าช่วยเหลือเราในคืนนั้นสามีเราอาจไม่ตาย เป็นสาเหตุที่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรม เรารู้ว่าเค้าก็คงไม่มีเงินอะไรมากมาย แต่เราอยากให้เค้าชดใช้สิ่งที่เค้ากระทำกับเรา ความรู้สึกเราแทบจะตายไปพร้อมกับสามีเลยคืนนั้น เราไม่รู้ว่าตัวเองช็อกไป 4 ปีเต็ม ไม่พูด ไม่คุย ไม่เล่นกับใครเลย จนกระทั่งสี่ปีเราหัวเราะแบบที่เรารู้สึกว่าเฮ้ยเราไม่ได้หัวเราะแบบนี้มาสี่ปีเต็ม เราไม่เคยคุยเล่นกับเพื่อนแบบนี้มาสี่ปีเต็ม เราไม่เคยมีความสุขเลยตั้งแต่เสียสามีไป เช้ามาทำงานเย็นกลับบ้าน เสาร์อาทิตย์กลับไปดูแลพ่อแม่ลูก เรารู้สึกว่าชีวิตเรากลับมายิ้มได้เล่นกับเพื่อนได้ หลังจากผ่านเหตุการณ์คืนนั้นมาสี่ปีเต็ม แต่ทุกครั้งที่เหนื่อยท้อก็คิดถึงสามีตลอด เรารู้สึกว่าศาลเห็นใจจำเลย มากกว่าผู้เสียหายซะอีก เรารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ แต่ท่านเป็นคนกลางท่านก็คงคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ตามนั้นคะท่าน เราเป็นแค่คนธรรมดาก็ต้องยอมรับไป จบคะ ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ผิดสัญญาไม่อยากไปฟ้องร้องอะไรกับใครอีกแล้วเบื่อความไม่ยุติธรรม
ป้ายกำกับ:
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
ความผิดของอัยการหรือศาล
วันศุกร์ที่ผ่านมาได้ไปฟังผลการพิจารณาคดีความของเรา ศาลแจ้งว่าเราไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้องเอาเงินชดเชยจากการบาดเจ็บในอุบัติเหตุครั้งนี้ได้ หากต้องการให้ไปฟ้องร้องเอาเป็นคดีแพ่งต่อไป ซึ่งถ้าต้องฟ้องร้องคดีแพ่งเราต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่าทนาย เอง ซึ่งก็คงเป็นจำนวนเงินไม่ใช่น้อย ทั้งๆที่ สามารถฟ้องร้องในคดีนี้ได้โดยเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามมาตรา 44/1 แต่ก็เข้าใจว่าทำไม ซึ่งศาลไม่ได้บอก แต่เรารู้ด้วยตนเองเพราะคุมประพฤติที่เรียกเราไปสอบปากคำเพิ่มเติมได้บอกเราแล้วว่า คำฟ้องคดีนี้อัยการเขียนว่า ประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ไม่ได้กล่าวถึงผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งๆที่หมายจับจากตำรวจ ก็ได้เขียนไว้ชัดเจนแล้วว่า ประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้น เราจึงสรุปเองว่าเป็นเพราะอัยการที่เป็นคนส่งฟ้องคดีนี้ ทำเราตกหล่นจากคดี เพียงเพื่อต้องการให้คดีจบไว เราคิดเองนะ เพราะถ้าเค้าส่งฟ้องเช่นนั้น ศาลตัดสินทุกอย่างจบ คนผิดจ่ายเงินรอลงอาญา คนผิดก็ยังอยู่ในสังคมต่อไป ศาลก็จะตัดสินโดยที่เราไม่รู้เรื่องว่าคดีนี้จับคนกระทำความผิดได้เมื่อไร เพราะอัยการไม่มีหนังสือแจ้งให้กับตัวเราผู้เสียหายกับบิดาของผู้ตายได้ทราบเลย ที่เรารู้เรืองเพราะศาลแจ้งไปที่คุมประพฤติให้ติดตามตัวเรากับบิดาของผู้ตายมาสอบปากคำเพิ่มเติมว่าเค้าได้เยียวยาอะไรบ้างหรือป่าวหลังจากเกิดเหตุ และต้องขอขอบคุณคุมประพฤติที่ได้แนะนำให้มาทำคำร้องขอให้จำเลยจ่ายเงินชดเชยเป็นค่าขาดผู้อุปการะให้กับบิดากับภรรยาของผู้ตาย ในส่วนของค่าปลงศพ และค่าขาดไร้อุปการะ ซึ่งเราต้องไปติดตามดำเนินเรื่องเองหมดทุกอย่าง พอดำเนินเรื่องไปแล้ว ก็พบว่าตนเองร้องขอเงินชดเชยจากการได้รับบาดเจ็บไม่ได้ ก็รู้สึกโกรธนะ ไม่รู้ว่าเป็นความผิดของใคร แต่เท่าที่รู้ ความผิด 2 ข้อ
คือ 1. ไม่มีหนังสือแจ้งให้ผู้เสียหายรับรู้ว่าจำเลยถูกจับตัวได้แล้ว จนศาลเกือบจะตัดสินคดีไปแล้ว
2. อัยการเขียนคำฟ้องคดีไม่ครบถ้วนตามหมายจับของตำรวจ ทำให้เราไม่สามารถเรียกร้องเงินชดเชยที่ขาเราเกือบขาดได้
ความผิด 2 ข้อนี้เป็นความผิดของศาลรึป่าว หรือของอัยการที่ทำเรื่องส่งฟ้องศาล เรารู้สึกแย่กับกระบวนการยุติธรรมมากๆ จากเรื่องนี้ แต่ยังไม่พอเมื่อเข้ารับฟังคำตัดสินเราก็ต้องผิดหวังมากกว่าเดิมอีก
ป้ายกำกับ:
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559
วิธีแนบลิ้งก์
วิธีให้บล็อกลิ้งค์ไปยังเว็ปไซต์ต่างๆ
ที่เราต้องการ
1. เข้าไปใน รูปแบบ
2. เลือก sidebar-right-1 หรือจะซ้ายก็ได้นะ แล้วแต่
เสร็จแล้วคลิกเพิ่ม Gadget เลือก หน้าเว็บ
3. คลิก +เพิ่มลิงก์ภายนอก
4. ก็อปปี้ลิงก์จากเว็ปที่เราต้องการ
วางในช่อง http:// แล้วคลิกบันทึกลิงก์
5. เอาเครื่องหมายติ๊กถูก หน้าแรก ออก
และ ลบคำว่าหน้าเว็บ ที่ช่อง ชื่อ ออก
แล้วคลิกบันทึก
เสร็จเรียบร้อยคะ
ข่าวของเราช่องขวามือเห็นไหมคะ ^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)